งานแรกในชีวิต
(ยาวนะแต่เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับคนกำลังท้อหรือหาทิศทาง)
by ครูเงาะ รสสุคนธ์ | 3 ธันวาคม 2563
งานแรก ของคุณคืออะไร
แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ งานแรก
คือ งานทุกงานที่ตามมา
Cr Photo : เพจอายุน้อยร้อยล้าน
ครูจะมาแชร์ งานแรกในชีวิต ที่ทำเพื่อหาเงินของครู (ไม่นับนวดให้แม่ หรือตอนประถมที่ไปเต้น ไปแข่งต่างๆแล้วได้ค่าขนมนะ) และทุกงานที่เคยผ่านมา
งานที่1.
ตอนม.2 : ขายเครื่องเงินจากแคตตาล็อก ได้เงินเป็นเปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยเดือนละไม่กี่ร้อย
งานที่2.
ตอนปิดเทอม ม.3 : ไปนั่งดูกล้องวงจรปิดในร้านสะดวกซื้อ วันละ 50 บาท
งานที่3.
ตอนปี1 : รับจ้างสอนพิเศษ จำค่าตอบแทนไม่ได้
งานที่4-8
ตอนมหาลัย :
4. เต้นตามงานอีเว้นท์ครั้งละ 800-1500
5. รับจ้างแจกใบปลิววันละ 500 บาท
6. ไปเป็นตัวประกอบครั้งละ 800-1,000 บาท
7. เป็นพิธีกรงานละ 1,500-2,000 บาท
8. แคสท์งานโฆษณาถ้าได้เล่นก็จะได้อยู่ที่ 5,000-100,000 ปีนึงได้ 1-3 งาน
งานที่ 9.
เรียนจบหมาดๆ : เป็น PR ให้หนังสือนิตยสารออกใหม่ คุ้นๆว่าได้เงินน้อยมาก แต่รีบคว้าไว้ก่อนพอมีคนให้โอกาส
งานที่ 10.
ผู้ประกาศข่าว : ถ้าจำไม่ผิดได้อาทิตย์ละ 800 (ระหว่างนี้ก็รับจ๊อบพิธีกรตามงานต่างๆไป)
งานที่ 11.
Casting : ได้เงิน 15000-25000
งานที่ 12.
Acting Coach หนังรายได้เริ่มจากเดือนละหมื่น Acting Coach โฆษณาเริ่มจากวันละ 10,000 (บางเดือนมีงานเดียว)
งานที่ 13.
เด็กเสิร์ฟสมัยไปเรียนต่อ วันละ $100
งานที่ 14.
เปิดโรงเรียนเป็นเจ้าของกิจการ ปีแรกกำไรเดือนละ 30,000 ทำงานทุกวัน สอนถึงเที่ยงคืนบ่อยมาก
งานที่ 15.
พิธีกรรายการทีวี
งานที่ 16.
คอมเมนเตเตอร์
งานที่ 17.
วิทยากร, โค้ช
งานที่ 18.
เปิดบริษัทอีก 4 บริษัท รวมเป็น 5 บริษัท
( 12, 14-18 ยังทำอยู่จนปัจจุบัน )
.
.
.
อยากแวะมาบอกทุกคนว่า อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ยิ่งในทุกวันนี้ภาพความสำเร็จของใครๆก็ถูกนำมาเสนอกันโครมๆ (ทั้งจริงและปั้นแต่ง) คนทุกคนมีหนทางของตัวเอง และเริ่มไม่พร้อมกัน เป้าหมายก็ต่างกัน ขอแค่เราเริ่มหาของเรา และลงมือทำ และทำ และทำ
สิ่งหนึ่งที่สอนครูจากเส้นทางนี้คือ
1. คนเรามันไม่อดตายนะถ้าไม่เลือกงาน
2. คนเราจะเจอว่าเราชอบอะไรได้ถ้าเราได้ลองมากพอ
3. เมื่อรู้ว่าชอบอะไรแล้ว อย่ารอให้มันมาหา วิ่งเข้าชน ยังไม่ได้ก็ขอแค่ไปอยู่ใกล้ๆ ถ้าตาเราไม่หลุดมันก็หยุดเราไม่ได้
4. ถ้าอยากเติบโตต้องเปิด Mindset โดยหาคนมีปัญญาอยู่ใกล้ อ่านและศึกษาเรื่องเค้าให้เยอะ เรียนให้เยอะ แบบอย่างคนสำเร็จในโลกจะบอกเราเองว่าทำยังไงให้ความมั่นคงเกิดได้แบบยั่งยืน (ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าความคิดปิด ไม่มีแบบอย่าง ก็จะเห็นแค่ว่าเป็นไปไม่ได้ตามที่เคยๆเห็นมา แล้วชีวิตก็ลงลูปเดิม ข้อนี้ใครเจอก่อนก็สบายก่อน ครูมั่นใจว่าคนที่สำเร็จในภาพประกอบนั้นเจอสิ่งนี้เร็ว)
5. ทุกอย่างมีเวลาของมันเอง หน้าที่ปลูกต้นไม้ หาเมล็ดพันธ์ุ หาดิน หาปุ๋ยเป็นเรื่องของเรา หน้าที่งอกงามเบ่งบานเป็นเรื่องของต้นไม้ เมล็ดพันธุ์ก็คืองานที่เหมาะกับเรา ดิน คือ บุคคลหรือสถานที่ที่เหมาะสมที่จะบ่มเพาะเรา ปุ๋ยคือองค์ความรู้ที่เราต้องขวนขวาย ครบองค์เมื่อไหร่ดอกไม้ก็บานเมื่อนั้น
.
.
.
วันนี้ ในวันที่ครูมีความสุขสบาย ได้ทำงานที่รัก ได้มีบ้านมีรถมีกินมีใช้มีเก็บ มีลงทุนได้ ไม่ใช่เพราะมีมาแต่กำเนิด แม่จบแค่ป.4 ได้เงินเดือนแค่ 8,000 เลี้ยงลูกสามคนด้วยตัวคนเดียว
ข้างบ้านมีแอร์ ก็อยากมีนะ แต่ก็รู้ว่าแม่ไม่มีเงิน
ไปโรงเรียนเพื่อนถือกระเป๋าจาคอบ อยากมีนะ แต่เรามีแค่บาจาก็ยอมรับ
สอบ AFS ผ่านอยากไปนะ แต่ไม่มีเงินไป
เห็นเพื่อนในมหาลัยมีรถขับก็อยากมีนะ เท่ดี ก็ติดรถเพื่อนไปก่อน รถคันแรกที่ออกคือรถประมูลมือสองราคา 250,000 มีเงินสดอยู่ 150,000 ผ่อนน้าสาวเดือนละ 5,000 ซื้อตอนรายได้เดือนละ 20,000 สิ้นเดือนยังมีเงินเหลือเดือนละ 2-5,000
สมัยตอนเงินเดือนถึงมือเดือนละแสน ยังใช้รถมือสองอยู่เหมือนเดิม และพักห้องเช่าเดือนละ 5,000 (บางคนเราเห็นเขาเงินเดือน 18,000 แต่อยู่หอ 8,000 ใช้มือถือเครื่องละ 30,000 เราก็เป็นห่วง)
ชีวิตนี้ตั้งใจไว้ว่าจะผ่อนแค่ 2 อย่าง คือบ้านกับรถ และต้องมีเงินเดือนมากกว่าจำนวนที่ผ่อนอย่างน้อย 5 เท่า (ซึ่งวันนี้ต้องอย่างน้อย 10 เท่า เพราะต้องแบ่งเงินไปลงทุนด้วย) ส่วนของอย่างอื่นถ้ายังไม่มีเงินซื้อสดก็ไม่ใช้ เพราะจะไม่ผ่อน …จะรอ!!
ครูอยากจะบอกทุกคนว่า จงอดทน จงยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ ไม่เสียเวลาไปกับการเปรียบเทียบ นั่งสงสารตัวเอง หรือนั่งโทษเวรโทษกรรม โทษสรรพสิ่ง
เราแค่ลงมือทำและทำให้มันดี ให้มันเกิดประโยชน์กับคนอื่นให้ได้
.
.
.
คาถาความสำเร็จครูในทุกเรื่องใช้แค่ 4 คาถานี้
1. จงรักในสิ่งที่ทำ (ฉันทะ)
2. จงทำมันให้ชำนาญให้ผู้คนได้ประโยชน์จากเรา (วิริยะ)
3. จงแน่วแน่กับสิ่งที่ทำ หมกมุ่นอยู่กับมัน (จิตตะ)
4. และหมั่นตรวจตราหาความรู้มาปรับแก้ให้ดีขึ้น (วิมังสา)
4 คาถานี้ ใครทำมากผลก็มาก
ความสำเร็จสำหรับครูไม่ได้วัดที่ เม็ดเงิน เพราะถ้างั้นเราคงเทียบไม่ได้กับมหาเศรษฐีเหล่านี้ แต่ครูวัดความสำเร็จที่จุด “พอใจ” ของเรา
ในวันนี้ครู “พอใจ” ในชีวิตของครูอย่างมาก
ครูได้ไปเรียนต่างประเทศด้วยเงินเก็บตัวเอง100%
ได้พาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยนะ
ได้เปิดบริษัทด้วยเงินเก็บตัวเอง 100%
ได้ซื้อบ้านในฝัน ซื้อรถในฝัน (ของแม่) และของตัวเอง
ได้ดูแลแม่ได้อย่างดี
ได้มีสิ่งของที่ “เคย” อยากมีทุกอย่าง
ได้มีเงินแบ่งสำหรับไปทำสาธารณกุศลตามเท่าที่ต้องการ
แถมทั้งหมดนี้คือ ได้มาจากการทำงานที่เรารักอีกด้วย
ครูไม่ได้บอกว่านี่คือรูปแบบชีวิตที่ถูกต้องสำหรับทุกคน แต่มันถูกต้องในความ “พอใจ” ของครู ฉะนั้นเราต้องหาจุด “พอ” กับ “ใจ” ของเราให้เจอด้วย
.
.
.
ครูอยากบอกว่า
ความสำเร็จ ไม่เคยทรยศ กับคนที่พยายามอย่างถูกต้อง
อย่าหวังให้ใครมาช่วยเรา จงตั้งเป้าให้ชัด หาจุดพอใจของเรา หาเมล็ดพันธุ์ หาดิน หาปุ๋ยที่ดีให้เจอ แล้ววันนึงดอกไม้ที่งดงามของเราก็จะงอกงามและเบ่งบานสมใจ …ในเวลาของมัน