5 วิธีพบขุมทรัพย์ในชีวิต
by ครูเงาะ รสสุคนธ์ | 12 ธันวาคม 2563
Photo by Alice Donovan Rouse on Unsplash
5 วิธี พบขุมทรัพย์ในชีวิต
1. รู้ว่าอะไรคือ “สิ่งมีค่า” ในชีวิตของเรา
2. รู้ว่าเรามี “ความเชื่อ” อะไร
3. รู้ “เป้าหมาย”
4. รู้ว่า “เราเป็นใคร”
5. รู้ว่าเราใช้ “Pattern” อะไรในชีวิตเราอยู่
.
.
.
1. รู้ว่าอะไรคือ “สิ่งมีค่า” ในชีวิตของเรา
ทำไมเราต้องรู้ “สิ่งที่เราให้ค่า”
เพราะถ้าเราไม่รู้ ชีวิตมีสิทธิ์หลงทางได้ เพราะเราจะไปอยู่บน คุณค่าของชาวบ้าน เช่น บางคนจบเป็นด็อกเตอร์ แต่ไม่เคยถามตัวเองเลยว่าเราเป็นด็อกเตอร์ไปเพื่ออะไร บางคนเป็นเพียงเพราะโลกเขาว่ากันว่าดี คนที่ประสบความสำเร็จเขามักเป็นกัน
วิธีเบื้องต้น
เริ่มจากตั้งคำถามว่า “ชีวิตนี้อยากทำอะไรให้สำเร็จ?”
แล้วตั้งคำถามย้อนกลับมาว่า “เพื่ออะไร” การทำสิ่งนี้สำเร็จมัน “มีความหมาย” ยังไงกับเราเหรอ เราทำสิ่งนี้ “เพื่อ” อะไร ลองถามตัวเราเองสัก 3-5 “เพื่อ”
เช่น “ฉันอยากประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน”
เพื่อ? -> “มีเงิน”
มีเงิน เพื่อ? -> “ได้มีเวลา”
มีเวลา เพื่อ? -> “ได้ไปพักผ่อนท่องเที่ยว”
ท่องเที่ยว เพื่อ? -> “ได้อิสรภาพได้ความสุข”
พอมาถึงจุดที่เป็น “ความสุข” ลองย้อนกลับไป 1 สเต็ป อย่างในกรณีนี้สเต็ปก่อนหน้าความสุขคือคำว่า “อิสรภาพ”
ฉะนั้นแสดงว่าในจิตของเรา เราให้ค่ากับ “อิสรภาพ” เมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้วเราก็จะวางเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นเช่นกำหนดว่าเราจะทำงานเพื่อให้เกิดอิสรภาพทางการเงิน ชีวิตของเราก็จะแตกต่างจากเดิมที่เคยทำงานแบบวันต่อวันให้มันจบไปตามหน้าที่ แต่วันนี้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรเพื่ออะไร มันจะทำให้เรามีแรงที่จะขับเคลื่อนเพราะเรารู้ว่าเรากำลังจะเคลื่อนไปไหน
เมื่อใดก็ตามที่เราทำสิ่งอยู่บนฐานของคุณค่า มันจะทำให้เราเดินไปข้างหน้าได้เร็ว
หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง
บางคนลดความอ้วน ลดเพื่ออะไรตัวเองก็ไม่รู้ ลดเพื่อให้สวยเหมือนดารา ลดเพื่อสุขภาพ “เพื่อ” ในแบบที่คนอื่นเค้าให้คุณค่ากัน แต่จริงๆตัวเองไม่ได้ให้คุณค่ากับเรื่องสุขภาพหรือการดูดีแบบดาราขนาดนั้น สุดท้ายก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมเพราะไม่ใช่เป้าหมายบนฐานที่เป็นคุณค่าของเรา
แต่ถ้าเรารู้ว่าเราให้คุณค่ากับอะไร หรืออะไรที่เราให้ความสำคัญเช่น “ลูก” คือความสุขของเรา ลูกคือคุณค่าของเรา แล้ววันนี้การกินตามใจปากของเราอาจทำให้เราต้องพรากจากลูก ต้องป่วย ต้องเป็นแม่ที่อาจจะเป็นโรค แล้วไม่สามารถอยู่เห็นความสุขของลูกได้ แบบนี้เราจะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วันที่เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา มันจะกำหนดทิศทางที่ตรง ไม่หลง ไม่สนกับสิ่งที่เป็นคุณค่าลวง และมันจะขับเคลื่อนให้ทุกเป้าหมายของเราได้สำเร็จได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นทันที
.
.
.
2. รู้ว่าเรามี “ความเชื่อ” อะไร
“ความเชื่อ” ต่างกับ “คุณค่า” ยังไง
“ความเชื่อ” เกิดจากการเห็นซ้ำ ได้ยินซ้ำ หรือฝังใจ
แต่ “คุณค่า” เกิดจากการถูกสั่งสอน ถูกชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้มีค่า ทั้งตอนวัยเด็กหรือตอนโตมา
เช่น บางคนตอนโตมาในวัยมัธยม เพื่อนเริ่มให้ค่ากับ
การที่ใครตบตีชนะคนอื่นได้ คือเก่ง
ใครได้ผู้ชาย คือเก๋ คือได้รับการยอมรับ
พอเป็นอย่างนั้น เราก็เริ่มไปให้ค่ากับ ผู้ชาย กับ การตบตีกับชาวบ้าน เป็นต้น
ต่างกับความเชื่อเช่น เราเคยได้ยินซ้ำๆว่า “ไม่เก่งเลย” “ไม่เก่งเลย” จนเราเชื่อว่า “เราเป็นคนไม่เก่ง”
ปัญหาคือคนชอบเข้าใจว่า “ความเชื่อคือความจริง”
นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ เพราะมันไม่ใช่ความจริง เราอาจจะยังไม่เก่งเรื่องนั้น ตามที่คนเขาบอกแต่เราสามารถฝึกฝนได้และ เราอาจจะมีเรื่องเก่งอื่นๆอีกมากมายที่เราเองก็ยังไม่เห็น
ถ้าเกิดวันนี้เราได้ไปเจอว่าเรามี “ความเชื่อ” อะไรที่ล็อกตัวเราไว้บ้าง ได้รู้ว่าจะทำงานกับการปลดล็อกความเชื่อตัวไหน
วันที่เราปลดล็อกความเชื่อนี้ได้ คือวันที่เราจะพบขุมทรัพย์ในชีวิต
เช่น ในอดีตครูเคยมีความเชื่อว่า “ฉันลงทุนไม่ได้” “ฉันค้าขายไม่เป็น” สาเหตุเกิดจากการที่เราได้ยินที่บ้านพูดกันว่า “เราเป็นข้าราชการ เราไม่เก่งเรื่องการลงทุนหรอก” สิ่งนี้พอเราได้ยินมันซ้ำๆ เราก็รับมันมาเป็นความเชื่อ แล้วเราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง พอครูเริ่มจะทำธุรกิจอะไรก็จะไม่ค่อยกล้าที่จะทำ จะทำทุกอย่างให้มันเล็กไปหมดเพราะกลัวมาก
ทั้งที่ใจอยากทำ
จนวันที่เราได้มาค้นพบว่าเรามี “ความเชื่อที่จำกัดการเติบโตของเรา” อยู่
วันนั้นเลยทำให้ครูได้ทำการปลดล็อกตัวเองโดยการเปลี่ยนความเชื่อใหม่ว่า “เรามีศักยภาพในการทำสิ่งต่างๆได้ประสบความสำเร็จ” “เรามีศักยภาพในการลงทุน หรือทำธุรกิจได้”
พอทันทีที่เราเปลี่ยนความเชื่อ เราก็จะเริ่มเห็นความจริงใหม่ตามความเชื่อใหม่ที่เรา “เลือก”
ยิ่งเราเอาไปสอดคล้องกับ “สิ่งที่เราให้ค่า” เช่น เราทำธุรกิจเพื่ออะไร เราเปิดโรงเรียนขึ้นมาเพื่ออะไร คำตอบปลายทางคือ มันคือการได้ทำสิ่งที่เรารัก และสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนผ่านสิ่งที่เรารัก นั่นก็คือการแสดงนั่นเอง วันนี้ครูก็สามารถเปิดโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จ เดินทางมาเข้าสู่ปีที่ 12 แล้ว
ฉะนั้นวันนี้ ให้เรากลับไปถามตัวเองว่า “เรามี “ความเชื่อ” อะไรที่มันล็อกเราไว้ ไม่ให้เราก้าวไปสู่สิ่งที่เราต้องการให้สำเร็จ หรือไม่?”
ถ้าเราพบว่ามี ให้เราเปลี่ยนความเชื่อนั้นเป็นทางตรงกันข้าม พร้อมกับหาหลักฐานที่จะทำให้เรา “พร้อม” ที่จะเชื่อสิ่งนั้นใหม่
สิ่งหนึ่งที่ครูอยากจะบอกไว้ แม้เราอาจจะยังไม่ได้ เปลี่ยนความเชื่อได้ 100% อย่างน้อยให้เราพูดกับตัวเองว่า “ฉันสามารถ ที่จะทำสิ่งนั้นได้”
แล้วให้ถามตัวเองว่า “อะไรที่ยังทำให้เราเป็นแบบนั้นไม่ได้?”
ก็แค่เรียนรู้ ฝึกฝน เพิ่มเติม ไม่มีอะไรเกินกำลังของมนุษย์แน่นอน
เมื่อไหร่ที่เราปลดล็อก “ลิมิตความเชื่อที่จำกัดเราได้” (Limiting Belief) เลือกความเชื่อที่ส่งเสริมสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ โดยสอดคล้องกับคุณค่าของเรา ขุมทรัพย์ในชีวิตของเราก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
.
.
.
3. รู้ “เป้าหมาย”
คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบไม่รู้เป้าหมายเลย ไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ชีวิตอยากได้อะไร ไม่รู้ ไม่เคยถาม ชีวิตเลยเดินไปอย่างไม่มีเป้าหมาย หาความสุขที่เป็นเส้นชัยไม่ได้เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเส้นชัยเป็นยังไง เลยทำๆๆแบบไม่รู้จักพอ
เราต้องกลับมาถามตัวเองว่า “ชีวิตที่ตายตาหลับของเราหน้าตาเป็นแบบไหน? ชีวิตที่ได้ทำอะไรแล้วสร้างอะไรแล้วแล้วคุ้มกับการเกิดมา?”
ลองขึ้นไทม์แมชชีนเดินทางไปเจอตัวเองตอนอายุ 80 ปี 100 ปี วันที่เราจะตาย ตัวเราคนนั้น ตายตาหลับหรือยัง เราค้างอะไรบ้าง มีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้าง
เช่น ครูเดินทางไปเจอตัวเองตอนอายุ 100 ปี กำลังจะตาย แล้วถามว่า
“ยายเงาะๆ ชีวิตตายตาหลับมั้ย”
ถ้ายายเงาะตอบว่า “หลับได้ สบายเลย”
งั้นถามต่อว่า “ยายหลับได้เพราะอะไรจ๊ะ ยายทำอะไรมาแล้วเหรอ ถึงตายตาหลับได้”
ยายอาจจะบอกว่า “ยายได้สร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดินนะ ยายได้มีชีวิตที่สุขสบายแบบที่ยายต้องการ ยายได้อยู่กับคนที่ยายรัก ยายเป็นแหล่งทางปัญญาให้กับผู้คนด้วยนะ ยายได้เจริญจิตภาวนาด้วยนะ”
แล้วเราถึงจะทำงานย้อนกลับมาวันนี้ ว่าจากตอนนี้เพื่อไปถึงวันที่เราทำสำเร็จ เราต้องเริ่ม “ลด/ละ” หรือ “เพิ่ม/ขยาย” อะไรในชีวิต ให้เกิดขึ้นวันนี้?
แล้ว ลงมือทำวันนี้
ขุมทรัพย์ตั้งรออยู่ในชีวิตเราแน่นอน
.
.
.
4. รู้ว่า “เราเป็นใคร”
เรามี “ข้อดี” อะไร “ข้อที่ต้องพัฒนา” อะไร มีจุดแข็งอะไรในชีวิต เรามี เราเป็น เราสามารถ อะไรบ้าง ในฝั่งดี การรู้จุดนี้ทำให้เราสามารถที่จะเติบโต
เช่น ตอนนั้นครูนั่งถามตัวเอง “อะไรที่ฉันถนัด” “อะไรที่ฉันทำได้” “อะไรที่ฉันชอบที่จะทำมัน” อาจจะยังไม่ถนัดก็ได้ แต่สนใจหรือชอบที่จะทำมัน ฉันชอบสอน ฉันมีอะไร เป็นอะไร สามารถอะไร มีความรู้เรื่องนี้ ๆ ๆ ครูก็ลิสต์ออกมา
พอวันที่เราเห็นว่า เรามี/เป็น/สามารถอะไร เราต้องมีหน้าที่ทำให้ จุดแข็งของเรา ได้นำออกไปใช้ให้เร็วที่สุด สร้างประโยชน์จากจุดแข็งของเราให้เร็วที่สุด
ถ้าเรายังอยู่ในระดับ ชอบ/สนใจ แต่ยังไม่เก่ง ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็ไปฝึกให้เก่ง
ถ้าเราอยู่ให้ระดับที่ เก่ง เดี๋ยวเราก็ไปขยายให้มันดีขึ้น ให้มันเกิดประโยชน์กับคนอื่นได้ด้วย
นี่คือแหล่งขุมทรัพย์มหาศาลเลย
เช่น วันที่ครูเห็นว่าครูชอบสอน
ครูถามตัวเองเลยว่าในอาทิตย์นี้ ครูจะทำอะไรได้บ้าง ที่ทำให้การสอนของครูถูกขยายขึ้น ครูเลยทำการแชร์ในไลฟ์เมื่อหลายปีก่อน ขยายจนกลายเป็นไลฟ์ที่ครูมีคนมาฟังมาแชร์มุมมองกันอย่างทุกวันนี้
ทริกง่ายๆในการสังเกตว่าเราสนใจอะไร
ลองดูว่าเวลาเราเดินเข้าไปในร้านหนังสือ เราชอบแวะโซนไหน โซนไหนที่ทำให้เราอยากเข้าไปดู หรือเวลาดูยูทูบ คลิปแบบไหนที่ทำให้เรารู้สึกสนใจ ชอบดู ฟังได้เรื่อยๆ
พอ “สนใจ” มันจะนำไปสู่การ “ฝึกฝน”
พอ “ฝึกฝน” จะนำไปสู่ความ “เก่ง”
พอ “เก่ง” ก็จะนำไปสู่การ “สร้างประโยชน์”
และอย่าลืมดู “จุดที่เราต้องพัฒนา” ด้วย
เพื่อไม่ให้มันพาเราไปทำในสิ่งที่ทำให้ ขุมทรัพย์เราหาย
เช่น บางคนจุดต้องพัฒนาของเราคือ “ขี้กลัว” “ขี้โกรธ”
ให้เราคอยเฝ้าดู ไม่ให้จุดอ่อนของเรามันมาขวางทางการเติบของเรา
รู้จุดแข็ง รีบขยายให้ชำนาญและเกิดประโยชน์
รู้จุดต้องพัฒนา ไม่ให้มาขวางทาง
และ ฝึกซ้ำๆ พาตัวเราไปถึงขุมทรัพย์ที่มุ่งหวังกันนะคะ
.
.
.
5. รู้ว่าเราใช้ “Pattern” อะไรในชีวิตเราอยู่
ถ้าเราไม่รู้ “Pattern” ในชีวิต
ไม่รู้ว่าเรามีรูปแบบการคิด-เลือก-ตัดสินใจ รูปแบบซ้ำๆอะไรในชีวิต และ ยิ่งถ้าเป็นรูปแบบที่ไม่ Healthy เช่น พาแฟนนิสัยไม่ดีเข้ามาซ้ำๆ แม้จะเปลี่ยนไปกี่คน หรือป่วยซ้ำๆแบบไม่รู้สาเหตุ สุดท้ายเราจะวนอยู่ในลูปนี้แบบไม่รู้ตัว และเราจะแก้อะไรไม่ได้เลย
เช่น มีผู้หญิงคนนึง มีหน้าอกใหญ่ ตอนเด็กก็โดนเพื่อนผู้หญิงล้อ เพื่อนผู้ชายก็คอยจ้องมอง จนเสียความมั่นใจ จนรู้สึกไม่ชอบหน้าอกตัวเอง “ทำไมเราต้องมีแบบนี้” “ฉันไม่อยากมีหน้าอกใหญ่เลย” บอกกับตัวเองซ้ำๆ พอเจอเหตุการณ์อะไรก็วนกลับมารู้สึกไม่ชอบหน้าอกตัวเองซ้ำๆ จนตอนนี้ กลายเป็นมะเร็งเต้านม เพราะไม่รู้ “Pattern” นี้ในตัวเอง
และรู้มั้ยว่า ในวันที่ผู้หญิงคนนี้ได้เห็น “Pattern” นี้ ได้รู้ว่าตัวเองสามารถเลือกได้ ว่าจะอยู่ต่อกับทรงนี้ หรือผ่าตัดเอาออกบางส่วน หลังจากเธอได้ปรับ Inner ภายในในเรื่องนี้ สุดท้ายเธอตัดสินใจจะผ่าตัดออก
ปรากฏผลคือ เธอก็ได้ทรง ได้ขนาดที่ต้องการ แถมมะเร็งหายขาด ตรวจไม่พบเซลล์เนื้อร้ายเหลืออยู่เลย
อีกเคสนึง มีนักเรียนครูคนนึงป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง พอครูได้ทำงาน Crack Pattern ให้กับน้องคนนี้ เขาก็ได้เห็น Pattern ว่า ในเวลาปกติ พ่อเขาจะไปอยู่กับเมียน้อย แต่พ่อจะสนใจเขาทุกครั้งที่เขาป่วย และได้เห็นว่าทุกการป่วยของเขา ทำให้เขาได้ “อะไรบางอย่าง” ได้ความรัก เพราะป่วยทีไร พ่อกลับบ้านทุกที
ถ้าป่วย = ได้ความรัก
จิตสั่งกายเลยว่า “ป่วยให้สุด เป็นโรคแพ้ภูมิไปเลย!”
แต่พอทันทีที่เขาได้รู้ Pattern นี้ปุ๊บ ร่างกายกลับมาแข็งแรงเลยค่ะ อาการไม่กำเริบ อยู่ในระดับภูมิคุ้มกันปกติ
นอกจาก Pattern ในมิติ สุขภาพ แล้ว
ยังมีอีกเคสในมิติของ ความสำเร็จ
มีเด็กคนนึง โตมาในบ้านที่พี่เขาป่วยติดเตียง แม่จะชอบให้เขามาดูแลพี่ ซึ่งตัวเขาเป็นเด็กที่เก่งมากๆ แต่ เวลาเขาเก่งมากๆเขาจะ รู้สึกผิด รู้สึกว่าเขา “ไม่สามารถมีความสุขได้ เพราะพี่ยังนอนป่วยติดเตียงอยู่เลย”
ใน Mindset ของเขาจะรู้สึกว่า “เขาไม่คู่ควรกับความสำเร็จของเขา” ถ้าเขาสำเร็จ พี่จะต้องรู้สึกแย่แน่ๆที่ตัวพี่ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิต สุดท้ายเขาเลือกที่จะ หรี่แสงตัวเอง เพื่อให้คนอื่นได้มีแสงบ้าง ทั้งที่จริงๆเราควรทำให้แสงของตัวเราสว่าง ไม่ใช่เพื่อไปกลบใคร แต่ให้เขาได้เห็นความสว่างในตัวของเขาขึ้นมา
ทำให้เด็กคนนี้ไม่ว่าจะทำงานประสบความสำเร็จ จะเรียนสูงแค่ไหนก็ตาม จะรู้สึกผิดตลอดเวลา ไม่เคยมีความสุขกับความสำเร็จของตัวเอง เพราะ Pattern ที่รู้สึกว่าตัวเอง “โชคดีกว่าพี่” มันทำให้เค้ารู้สึกผิด ใช้ชีวิตเลยคอยเที่ยวได้ช่วยคนอื่นจนตัวเองลำบาก ให้คนอื่นยืมเงินแล้วก็กลับมาเครียดไม่กล้าทวง เพราะในใจลึกๆรู้สึกว่า “เงินที่ตัวเองได้มามันไม่แฟร์”
แต่พอวันที่เขากลับมาเข้าใจ Pattern ปุ๊บ ได้เห็นว่า
“ฉันคู่ควรกับสิ่งดีๆทุกอย่างบนโลกนี้นี่นา”
“ฉันสามารถที่จะมีชีวิตของฉัน”
“และวันที่ฉันแข็งแรงจริงๆ ฉันสามารถช่วยเหลือคนอื่น”
การช่วย ก็ไม่ได้เป็นการช่วยเพราะ ความกลัวไม่เป็นที่รัก อีกต่อไป เป็นการช่วยด้วย ความเมตตาอย่างแท้จริง
วันนี้ ลองถามตัวเองกันว่า
“เรากำลังใช้ Pattern อะไร?”
เมื่อเราเห็น และ “ละ” Pattern นี้ได้ นี่แหละคือทางพบขุมทรัพย์ชีวิตในทุกมิติ ทั้งเรื่องความรักความสัมพันธ์ การเงิน การงาน สุขภาพ ทุกอย่างเลยค่ะ
.
.
.
ทั้ง 5 ข้อนี้ ลองนำไปใช้กันดูนะคะ
ขอให้ทุกคนได้ค้นพบขุมทรัพย์ในชีวิตของตัวเอง วันนี้ หรือในเร็ววันค่ะ
ครูเงาะ